เมื่อไม่กี่วันมานี้ ตำรวจตามเมืองต่างๆ ทั่วประเทศได้ถูกส่งไปเพื่อกวาดล้างผู้ประท้วงที่สนับสนุนชาวปาเลสไตน์จากค่ายพักแรมและอาคารที่ถูกยึดครองในวิทยาเขตของวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยในอเมริกาจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ
นับตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน มีการจับกุมมากกว่า 1,500 รายในวิทยาลัยมากกว่า 30 แห่งตามการวิเคราะห์ของ CNN นอกเหนือจากการปราบปรามแล้ว มหาวิทยาลัยต่างๆ ยังได้ยกเลิกการเปิดเรียนย้ายไปยังชั้นเรียนระยะไกล และจำกัดการเข้าถึงวิทยาเขตต่างๆ
ล่าสุดมีอะไรบ้าง?
ตำรวจเคลียร์ค่ายพักแรมที่ UCLA [LA Times]เมื่อเช้าวันพฤหัสบดี หลังจากการทะเลาะวิวาทกันเป็นเวลา 2 วัน ซึ่งรวมถึงผู้ประท้วงและผู้ประท้วงต่อต้าน การปะทะกัน (Associated Press)และเห็นว่ามหาวิทยาลัยยกเลิกชั้นเรียนในวันพุธ
ผู้ประท้วงมากกว่า 90 คน[The Dartmouth]ถูกจับกุมที่วิทยาลัย Dartmouth ในคืนวันพุธและเช้าวันพฤหัสบดี หลังจากตำรวจรัฐนิวแฮมป์เชียร์ถูกเรียกไปที่มหาวิทยาลัยเพื่อรื้อถอนค่ายพักแรมที่กำลังเติบโตนี้
เช้าตรู่วันพฤหัสบดีผู้ประท้วง 29 คนถูกจับกุม [News12 Long Island]ที่มหาวิทยาลัย Stony Brook ในนิวยอร์ก
ช่วงดึกของวันอังคารผู้ประท้วงเกือบ 300 คน [บลูมเบิร์ก]ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบียและมหาวิทยาลัยซิตี้ในนิวยอร์กซิตี้ถูกจับกุม ตำรวจยังคงอยู่ในวิทยาเขตเมื่อวันพุธที่โรงเรียน Ivy League
ผู้ประท้วงเข้าไปในอาคารรับนักศึกษาระดับปริญญาตรี [Fox 5 Atlanta]ที่มหาวิทยาลัย Emory เมื่อวันพุธ
ตำรวจนิวยอร์กจับกุมผู้ประท้วงที่ครอบครองล็อบบี้ของอาคารแห่งหนึ่งที่มหาวิทยาลัย Fordham [เดลินิวส์]เมื่อวันพุธ พวกเขายังได้เคลียร์เต็นท์อีกด้วย
นักศึกษาที่มหาวิทยาลัยแห่งรัฐพอร์ตแลนด์ [KOIN]ยังคงปิดบังตัวเองอยู่ในห้องสมุดของโรงเรียน ทำให้เกิดความขัดแย้งกับเจ้าหน้าที่ที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งได้ยกเลิกชั้นเรียนเมื่อวันพุธ
มหาวิทยาลัยอย่างBrown [AFP]และ Northwestern ได้กระจายการประท้วง [Associated Press]หลังจากให้คำมั่นกับผู้ประท้วงในสัปดาห์นี้ว่าจะลงมติว่าจะถอนตัวจากบริษัทที่ทำธุรกิจกับอิสราเอลหรือไม่
อะไรทำให้เกิดการประท้วง?
หลังจากหลายทศวรรษแห่งความขัดแย้งระหว่างชาวอิสราเอลและชาวปาเลสไตน์ที่อาศัยอยู่ในดินแดนที่ถูกยึดครองอย่างฉนวนกาซาและเวสต์แบงก์ กลุ่มฮามาส รัฐบาลติดอาวุธในฉนวนกาซาได้เปิดฉากการโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 1,200 คน เหตุการณ์นี้ถือเป็นการสังหารชาวยิวเดี่ยวครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และจับตัวประกันได้หลายร้อยคน
เพื่อเป็นการตอบสนอง รัฐบาลฝ่ายขวาของอิสราเอล นำโดยนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูได้ประกาศสงครามกับกลุ่มฮามาส และเปิดฉากการรุกรานที่คร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์ไปแล้วกว่า 34,000 คน ตามตัวเลขจากกระทรวงสาธารณสุขที่บริหารโดยกลุ่มฮามาส
ขนาดการตอบโต้ของอิสราเอลต่อการโจมตีเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ได้รับการประณามจากนานาชาติ ซึ่งรวมถึงประธานาธิบดีไบเดนด้วย ว่าเป็นการไม่เลือกปฏิบัติและรับผิดชอบต่อการเสียชีวิตของพลเรือนจำนวนมาก
ผู้ประท้วงต้องการอะไร?
แม้ว่าจะไม่มีกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งที่จัดการประท้วงทั้งหมดทั่วสหรัฐอเมริกา แต่ข้อเรียกร้องที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ที่เกิดขึ้นในหมู่ผู้ประท้วงก็คือ ให้มหาวิทยาลัยในอเมริกาถอนตัวออกจากบริษัทที่มีส่วนได้ส่วนเสียทางการเงินในรัฐบาลอิสราเอล หรือจากบริษัทที่จัดหาอาวุธหรืออาวุธให้กับอิสราเอล เทคโนโลยีทางทหาร
ตัวอย่างเช่น ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ผู้ประท้วงมักจะตะโกนสโลแกนว่า “เปิดเผย ถอนตัว เราจะไม่หยุด เราจะไม่พัก”
ในช่วงทศวรรษ 1980 นักศึกษาออกมาประท้วงในวิทยาลัยต่างๆ ทั่วประเทศเพื่อกดดันมหาวิทยาลัยให้เลิกกิจการจากบริษัทที่ทำธุรกิจกับรัฐบาลแบ่งแยกสีผิวของแอฟริกาใต้ การเคลื่อนไหวดังกล่าวได้รับการยกย่องว่าเป็นการล่มสลายของระบอบการปกครอง
แล้วสิทธิเสรีภาพในการพูดล่ะ?
การจับกุมผู้ประท้วงในวิทยาเขตของวิทยาลัยในสหรัฐฯ อาจเป็นที่ถกเถียงกัน ท้ายที่สุดแล้ว การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งแรกปกป้องสิทธิในการพูดอย่างอิสระ อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อการประท้วงขัดขวางสิทธิของผู้อื่นหรือทำให้ความปลอดภัยของพวกเขาตกอยู่ในความเสี่ยง
“ฉันประณามความรุนแรงที่ UCLA เมื่อคืนนี้” ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย Gavin Newsom กล่าวในแถลงการณ์ที่ออกเมื่อวันพุธ “กฎหมายมีความชัดเจน: สิทธิในการแสดงความคิดเห็นไม่ครอบคลุมถึงการยุยงให้เกิดความรุนแรง การก่อกวน หรือความไม่เคารพกฎหมายในมหาวิทยาลัย ผู้ที่กระทำพฤติกรรมที่ผิดกฎหมายจะต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของตน รวมถึงการดำเนินคดีทางอาญา การพักงาน หรือการไล่ออก”
ท้ายที่สุดแล้ว อาจขึ้นอยู่กับศาลที่จะตัดสินว่าวิทยาลัยที่นำตำรวจเข้าจับกุมผู้ประท้วงดำเนินไปไกลเกินไปหรือไม่
ที่มหาวิทยาลัยแห่งรัฐแอริโซนา นักศึกษาบางคนที่ถูกจับกุมเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ยื่นฟ้องโรงเรียนแห่งนี้ เนื่องจากถูกกล่าวหาว่าละเมิดสิทธิ์ในการแสดงความคิดเห็นของพวกเขา
ผลกระทบทางการเมือง
เนื่องจากฐานทางการเมืองส่วนใหญ่ของเขาไม่พอใจในการจัดการสงครามอิสราเอล-ฮามาส ไบเดนจึงดำเนินแนวทางที่ละเอียดอ่อนเกี่ยวกับการประท้วงในมหาวิทยาลัยที่สนับสนุนปาเลสไตน์
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ไบเดนพอใจที่จะให้คารีน ฌอง-ปิแอร์ เลขาธิการสื่อมวลชนของเขา ตอบคำถามเกี่ยวกับการจับกุมครั้งล่าสุดที่มหาวิทยาลัยในอเมริกา
“ชาวอเมริกันมีสิทธิที่จะประท้วงอย่างสงบ ตราบใดที่อยู่ภายในกฎหมาย” ฌอง-ปิแอร์ กล่าว “การบังคับยึดอาคารไม่ใช่เรื่องสงบ มันไม่ใช่เลย
“นักเรียนมีสิทธิ์ที่จะรู้สึกปลอดภัย พวกเขามีสิทธิ์ที่จะเรียนรู้ พวกเขามีสิทธิ์ที่จะทำเช่นนี้โดยไม่หยุดชะงัก” เธอกล่าวเสริม “พวกเขามีสิทธิ์เข้าร่วมพิธีรับปริญญาโดยไม่รู้สึกไม่ปลอดภัย”
เมื่อวันอังคาร อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งวิพากษ์วิจารณ์เนทันยาฮูเช่นกันได้ครุ่นคิดอย่างเปิดเผยว่าผู้ประท้วงที่ถูกควบคุมตัวจนถึงตอนนี้จะได้รับการปฏิบัติที่ดีกว่าผู้สนับสนุนของเขาเองที่ก่อจลาจลในศาลาว่าการสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 หรือ ไม่
“ผมสงสัยว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับพวกเขาจะเทียบได้กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับ J6 หรือไม่ เพราะพวกเขากำลังทำลายล้างอย่างหนัก สร้างความเสียหายมากมาย ผู้คนจำนวนมากได้รับบาดเจ็บสาหัส” เขาเขียนในโพสต์ ไปยังไซต์โซเชียลมีเดียของเขา Truth Social “ฉันสงสัยว่านั่นจะเป็นการรักษาแบบเดียวกับที่พวกเขาให้ J6 หรือไม่ เรามาดูกันว่าทั้งหมดจะเป็นอย่างไร”